วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Bill Gates เจ้าพ่อและตำนานแห่งวงการคอมพิวเตอร์

Bill Gates เจ้าพ่อและตำนานแห่งวงการคอมพิวเตอร์
Share
        ถ้าพูดถึงอัจฉริยะแห่งวงการคอมพิวเตอร์อาจมีหลายคนเช่น (steve job) แห่ง apple (mark zuckerberg) แห่ง facebook หรือ 2 เพื่อนซี้แห่ง Google (Larry Page) และ (Sergey Brin) แต่วันนี้เรามาพูดถึง อัจฉริยะอีกคนที่เป็นตำนานเปลี่ยนโลกทั้งใบ
       บิล เกตส์ Bill Gates เจ้าพ่อบริษัทไมโครชอฟท์วัย 51 ปีด้วยสิน ทรัพย์ 59,000 ล้านดอลลาร์มาดูประวัติของคนที่จัดว่ารวยที่สุดกัน เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ บิล เกตส์ยังครองอันดับคนรวยสุดของสหรัฐฯในการจัดอันดับประจำปี 2007 คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก อภิมหาเศรษฐี ผู้นี้ บิล เกตส์ เป็นผู้ครองแชมป์ อภิมหาเศรษฐีรวยสุดในสหรัฐฯ
ประวัติและภูมิหลังชีวิตของบิลล์ เกตส์
       ส่วนตายายเป็นเจ้าของธนาคาร หลังเขาเกิดแม่ก็ลาออก จากงานมาเลี้ยงดูเขากับพี่สาวและน้องสาว ผู้เกิดตามมาพร้อมกับสละเวลาบางส่วน ให้กับองค์กรการกุศล บิลล์ เกตส์ จึง เห็นตัวอย่างของการแทนคุณแก่สังคม ตั้งแต่ครั้งเขายังหัวเท่ากำปั้น ยายสนับสนุนให้เขาอ่านหนังสืออย่างต่อ เนื่องพร้อมกับมีรางวัลให้แทบไม่อั้น รวมทั้งกองทุนเป็นเงินถึง 1 ล้านดอลลาร์ บิดาชื่อวิลเลียม เอ็ช เกตส์ จูเนียร์ มีอาชีพนักกฎหมายของบริษัท มารดาชื่อแมรี แมกซ์เวล เกตส์ เป็นสมาชิกคณะกรรมการของ Berkshire Hathaway, First Interstate Bank, Pacific Northwest Bell และคณะกรรมการแห่งชาติของ United Way ชื่อเต็มคือ วิลเลียม เฮนรี เกตส์ที่สาม ปู่ของเขาคือ วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ซีเนียร์ บิลล์ เกตส์ โชคดีมากเนื่องจากเขา เพียบพร้อมด้วยกรรมพันธุ์ชั้นดีและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อ อำนวย พ่อ แม่มีการศึกษาดีและมีอันจะกิน บิลล์ เกตส์ เกิดที่เมืองซีแอทเทิล มลรัฐวอชิงตัน วันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ.1955
      บิลล์ เกตส์ พกมันสมองของอัจฉริยะติดมาด้วย เขาสนใจอ่านสารพัดอย่าง เมื่ออ่านแล้วก็จำได้ปานถ่ายรูปแปะไว้ในสมอง เขาสามารถท่องคัมภีร์ซึ่งมีเนื้อหายาวเท่าๆ กับปาติโมกข์ได้ภายใน 3 ชั่วโมงเมื่อตอนอยู่ชั้น ประถม เขามีความสามารถพิเศษในการนำชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบเป็นกลไกสำหรับใช้เป็นเครื่องเล่น บุคลิกเด่นๆ ของ เขา ได้แก่ การเป็นเด็กดื้อ ซน อดทน ชนดะ ต้องเอาชนะให้ได้ และไม่ยอมเสียเวลากระทั่งเสื้อผ้า เมื่อถอดตรง ไหนก็โยนไว้ตรงนั้น
ในระหว่างเรียนชั้นประถม เขาเรียนออกหน้าเพื่อนร่วมชั้นทั้งด้านภาษาและด้าน คำนวณ หลัง จากเข้าใจเนื้อหาแล้วก็มักก่อกวนเพื่อนร่วมชั้นและสร้าง ความรำคาญให้แก่ครู
      ขณะที่เขาเรียนอยู่ในชั้นมัธยม บิลล์ เกตส์เข้าศึกษาที่โรงเรียนเลคไซด์ อันเป็นโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดในเมืองซีแอทเทิลซึ่งรับเฉพาะ เด็กหัวกะทิ จากครอบครัวมั่งคั่ง ดังเช่นครอบครัวของเขาเท่านั้น การมีการศึกษาดีทำให้พ่อแม่ตระหนักอย่างรวดเร็วว่า การสร้างความรำคาญในชั้นเรียนของลูกชายเป็นการแสดงออกของความเบื่อหน่าย หลังจากเขาเข้าใจเนื้อหาของวิชาที่ ครูสอน ก่อนคนอื่น โดย เฉพาะโรงเรียนมีอุปกรณ์ช่วยการเรียนการสอนมากมายและให้อิสระ แก่นักเรียนที่จะทำอะไรๆ ตามความสนใจได้มากกว่าปกติ สถานีใช้คอมพิวเตอร์ (Computer terminal) ซึ่ง ต่อสายไปยังคอมพิวเตอร์ ขนาดใหญ่ของบริษัทที่ให้เช่าและนั่นเป็นสิ่งที่บิลล์ เกตส์ ติดงอมแงมทันทีเมื่อโรงเรียนนำมาติดตั้งหลัง เขาเข้าเรียนได้ไม่นาน มันทำให้เขาได้เพื่อนรุ่นพี่ชื่อ พอล อัลเลน ซึ่งติดเล่นกับสถานีใช้คอมพิวเตอร์แบบงอมแงม เช่นกัน  เพื่อนสนิทคนนี้ต่อมามีบทบาทสำคัญในการร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ โรงเรียนสามารถเรี่ยไรเงิน จากพ่อแม่ของนักเรียนได้แทบไม่อั้น เมื่อต้องการนำไปซื้อเวลาคอมพิวเตอร์เพิ่มให้แก่พวกเขา
         หลังจากเรียนใช้คอมพิวเตอร์ได้ไม่นาน บิลล์ เกตส์ ก็ได้นำเวลาของบริษัทมาใช้ยังผลให้เขาถูกห้ามใช้คอมพิวเตอร์อยู่ระยะหนึ่ง เมื่อคนอื่นกลับบ้านหมดแล้ว เพื่อค้นหาความบกพร่องการทำงานของคอมพิวเตอร์ ชื่อเสียงของเขาค่อยๆ โด่งดัง และมีบริษัทขึ้น หลังจากหมดโทษเขากลับทำผิดร้ายแรงขึ้นไปอีก โดยการเขียนโปรแกรมจำพวก สร้างปัญหา ส่งไปตามสายจนทำให้คอมพิวเตอร์ของบริษัทขัดข้อง คราวนี้แทนที่จะถูกทำโทษเขาได้รับเชิญให้ไป ใช้คอมพิวเตอร์ของบริษัทในตอนกลางคืนแทน ว่าจ้างให้เขาไปทำงาน ด้านค้นหาความบกพร่องของโปรแกรมตั้งแต่ตอนก่อนเขาเรียนจบชั้นมัธยมโรงเรียนอนุญาตเขาให้หยุดเรียนชั่วคราวได้เพื่อไปทำงานนั้น
ในขณะเดียวกันเขากับเพื่อนสนิทก็เริ่มมีธุรกิจ รับเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้องค์กรต่างๆ ความสามารถในการสอบข้อสอบมาตรฐาน ด้าน คณิตศาสตร์ ได้คะแนนเต็มเป็นกุญแจชั้นดีที่เปิดประตูมหาวิทยาลัยได้ทุกแห่ง เขาเลือกบินข้ามประเทศไปเรียนที่ฮาร์วาร์ด ทั้งที่เพื่อนสนิทพอล อัลเลน ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยใกล้บ้านเกิดของเขาแล้ว ตอนเข้าเรียนใหม่ๆ เขายัง ไม่แน่ใจ ว่าจะเลือกอะไรเป็นวิชาเอกนอกจากคิดว่าเมื่อถึงเวลาก็จะเลือกวิชาคณิตศาสตร์ แต่เขาเปลี่ยนใจเมื่อได้ พบกับนักศึกษาที่จะเลือกเอกวิชานั้น เพราะเขารู้ทันทีว่ายังมีคนเก่งกว่าเขาอีกมาก การ ไม่รู้จะเรียนเอกอะไรทำให้เขารู้สึกเคว้งคว้างและใช้เวลาว่างส่วนใหญ่เล่น ไพ่และอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้นเขาไปลงทะเบียนเรียนวิชาในระดับปริญญาโท-เอกหลายวิชา ปรากฏว่าเขาสอบได้ที่ 1 ในวิชาเศรษฐศาสตร์ทั้งที่ไม่เคยเข้าเรียนในชั้นเรียนเลย เพียงแค่อ่านตำรา 1 สัปดาห์ก่อนสอบกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งสอบได้ที่ 2 เพื่อนคนนั้นต่อมาได้กลายเป็นมือขวาของเขาและในขณะนี้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารของไมโครซอฟท์
กว่า 32 ปีอันเป็นช่วงเวลาที่บิลล์ เกตส์ เริ่มก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ถึงวันที่เขาเกษียณตัวเอง เขา มีร่างกายพิเศษที่แม้จะไม่ได้หลับได้นอนเป็นเวลานานๆ แต่ร่างกายของเขาทนทานต่อการหักโหมได้ไม่เฉพาะในระหว่างอยู่ในมหาวิทยาลัยเท่านั้นที่เขา หักโหมร่างกายโดยการเล่นไพ่และอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ตลอดวันตลอดคืน ในระหว่างการสร้างบริษัทไมโครซอฟท์ก็เช่นกัน บ่อยครั้งพนักงาน ที่เข้ามาทำงานในตอนเช้าจะพบเขานอนหลับอยู่กับพื้นห้องเพราะเขาทำงานจนดึก ดื่นทุกคืน และบางครั้งไม่ยอม เสียเวลาเดินทางกลับบ้าน เมื่อง่วงจัดจนทนไม่ไหวจริงๆ เขาก็ลงนอนหลับกลิ้งอยู่บนพื้นห้องทำงาน อาจดูเหมือนบุคลิกของเขาจะเป็นคนรุกกร้าวไม่มีคำว่าแพ้ แต่ บิลล์ เกตส์ เป็นผู้รู้จักฟังโดยเฉพาะ จาก พนักงานของบริษัท ไมโครซอฟท์ พนักงานทุกคนสามารถส่งข้อเสนอโดยตรงไปถึงเขาได้ และเขามักใช้เวลาตอนดึกๆ ตอบอีเมล์ของ พนักงาน นอกจากนั้นเขายังมักพาพนักงานออกไปใช้เวลานอกสำนักงานเพื่อช่วยกันระดมสมอง เขาจะไม่ถือสาถ้าพนักงานไม่เห็นด้วยกับมุมมองของเขาและยินดีจะเปลี่ยนใจและนำข้อเสนอของ พนักงานไปใช้ ถ้าข้อเสนอนั้น เหนือชั้นกว่าของเขา ความใจกว้างนี้มีผลให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ในไมโครซอฟท์เสมอมา แม้เขาจะทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำตลอดทั้งปี แต่เขาจะมีเวลาเป็นของตัวเองปีละ 2 ครั้ง ครั้งละหนึ่ง สัปดาห์ ในช่วงหนึ่งสัปดาห์นี้เขาจะหนีไปเก็บตัวอยู่ในสถานที่ห่างไกลที่ไม่มีอะไร รบกวน
      เขาจะใช้เวลาอ่านหนังสือใหม่ๆ ที่เขาไม่มีโอกาสอ่านพร้อมกับศึกษาเหตุการณ์ต่างๆ รวมทั้งในด้านธุรกิจการใช้เวลาคิดอย่างลึกซึ้งถึงทุกสิ่งรอบด้านนี้มีผลดีต่อทั้งการวางแผนระยะยาวของไมโครซอฟท์และกลยุทธ์ที่จะใช้ต่อไปในช่วง เวลาสั้นๆ นอกจากนั้นเขายังได้แนวคิดใหม่ๆ ซึ่งนำไปสู่การเขียนหนังสือ 2 เล่ม ได้แก่ The Road Ahead ซึ่งพิมพ์เมื่อปี 2538 และ Business @ the Speed of Thought ซึ่งพิมพ์เมื่อปี 2542 เล่มหลังนี้พูดถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพของการทำธุรกิจแม้ว่า บิลล์ เกตส์ จะเป็นอภิมหาเศรษฐีหมายเลขหนึ่งของโลกตั้งแต่ อายุ 39 ปี แต่เขาเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวเรื่องการใช้เงินเมื่อเทียบกับมหาเศรษฐีอื่นๆ นอกจากบ้านราคาเป็นหลักสิบ ล้านดอลลาร์และรถยนต์ราคาเรือนแสนดอลลาร์แล้ว เขาไม่นิยมสะสมตุ๊กตาราคาแพงเช่นมหาเศรษฐีส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเรือยอชต์ เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ สนามกอล์ฟ บ้านตากอากาศ หรืองานศิลปะ เงินของเขาส่วน ใหญ่ถูกนำไปใช้ในการลงทุนและเพื่อการกุศล ในด้านการลงทุนนานๆ จึงจะมีข่าวรั่วไหลออกมาว่าเขาไปลงทุนที่ นั่นที่นี่ ฉะนั้นจึงไม่มีใครรู้แนวคิดและการปฏิบัติของเขาแบบเต็มร้อย ส่วนในด้านการกุศล เขาและภรรยาได้ตั้ง มูลนิธิขึ้นมาเพื่อดำเนินงาน ฉะนั้นด้านนี้มีข้อมูลละเอียด หลังการเกษียณตัวเองเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 2008 ที่ผ่านมา บิลล์ เกตส์ เริ่มใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับงานการกุศลของมูลนิธิชื่อว่า Bill & Melinda Gates Foundation
บิลล์ เกตส์ และภรรยา ก่อตั้งมูลนิธิขึ้นมาเมื่อปี 2543 ในช่วงเวลา 8 ปีเขาทั้งสองได้สละทรัพย์สินส่วนตัวให้มูลนิธิ แล้ว 34, 000 ล้านดอลลาร์
อภิมหาเศรษฐีวอร์เรน บัฟเฟตต์ เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของเขาได้บริจาคสมทบอีก 3,360 ล้านดอลลาร์ และจะบริจาคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกราว 30, 000 ล้านดอลลาร์ ทรัพย์สินกองนี้เป็นเสมือนต้นทุนที่มูลนิธิ จะนำมาหมุนหาดอกผลเพื่อนำไปใช้ในโครงการการกุศลทั่วโลก ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ทั้งโครงการในสหรัฐอเมริกาและในอีกกว่า 100 ประเทศ มูลนิธิใช้ดอกผลไปใน โครงการการกุศลต่างๆ แล้ว 16,500 ล้านดอลลาร์
โครงการแบ่งออกเป็น 3 ด้านด้วยกันคือ 
1. ด้านการพัฒนา ตัวอย่างของโครงการด้านการพัฒนา ได้แก่ การวิจัยและพัฒนาเพื่อแสวงหาพันธุ์พืชอาหารที่ทนทานต่อความแห้ง แล้งในทวีปแอฟริกา โครงการนี้มูลนิธิของเขาบริจาคไป 264.5 ล้านดอลลาร์ 
2. ด้านสุขภาพ ตัวอย่างของโครงการด้านสุขภาพ ได้แก่ การพัฒนาวัคซีนเพื่อต่อสู้กับเชื้อมาลาเรียดื้อยาเป็นเงิน 287 ล้านดอลลาร์ 
3. ด้านที่เกี่ยวกับสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะ ตัวอย่างของโครงการในสหรัฐ อเมริกา ได้แก่ การให้ทุนการศึกษาแก่มหาวิทยาลัยซึ่งนักศึกษาส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำจำนวน 1, 370 ล้านดอลลาร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น